วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เมื่อไฟดับตอนรับพระราชทานปริญญาบัตร




สำหรับคนเราทั่วๆ ไปแล้วนั้น การได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ถือเป็นสิ่งสูงสุดอย่างหนึ่งสำหรับนักศึกษา โดยเฉพาะการได้สัมผัสกับใบปริญญาบัตรซึ่งรับโดยตรงมาจากพระหัตถ์ นับเป็นเกียรติอย่างสูงสุด และสำหรับผู้คนทั่วไป การได้มมีภาพบุคคลในครอบครัวรับพระราชทานปริญญาบัตรจากเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินนั้น เป็นเกียรติกับวงศ์ตระกูลเป็นอย่างมาก

ในปี 2528 ได้มีการพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การพระราชทานฯ ดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งเกิดเหตุไฟฟ้าดับ (1) และไฟสำรองก็ทำงาน ทำให้การพระราชทานฯดำเนินไปไม่สะดุด

หากเพียงแต่ว่ามีบัณฑิตอยู่ประมาณ 8 คนที่ได้รับพระราชทานฯไปแล้ว แต่ไม่มีภาพถ่าย เนื่องจากไฟสำรองในหอประชุมทำให้แสงไม่พอในการถ่ายภาพ ซึ่งบัณฑิตเหล่านั้นคงจะรู้สึกเสียใจและเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของพระเจ้าแผ่นดินแท้ๆ แต่ไม่มีภาพถ่ายเก็บเอาไว้

การพระราชทานฯ ก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ทั้ง 8 คนที่พลาด ไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปการรับพระราชทานปริญญาบัตร ก็ได้รับการแจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งให้คนที่ไม่ได้ถ่ายรูปในช่วงไฟดับ ให้กลับขึ้นไปรับพระราชทานฯ อีกครั้งต่อจากแถวของบัณฑิตคณะเศรษฐศาสตร์

คุณตราชู กาญจนสถิตย์ นักการตลาดที่เคยทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่หลายบริษัทและก็เป็นหนึ่งในบัณฑิตที่รับพระราชทานฯ ในช่วงเวลาของไฟดับนั้นพอดี แปลว่า คุณตราชูนั้นได้รับแจ้งว่าในหลวงทรงรับสั่งให้ขึ้นไปรับอีกครั้งโดยคุณตราชูได้บอกความรู้สึกในตอนนั้นเอาไว้ว่า 

ท่านเห็นความสำคัญของความรู้สึกของคนไทยน้อยๆ อย่างที่ผมไม่รู้จะพูดบรรยายความรู้สึกนั้นได้อย่างไร
ผมปลาบปลื้มจนน้ำตาไหล

ภาพคุณตราชู​ กาญจนสถิตย์ ขณะรับพระราชปริญญาบัตรครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรกไฟฟ้าดับ 


ผมกลับมานั่งที่เก้าอี้และคิดได้ว่า เหตุผลท่านจึงไม่มองข้ามเราไป ในหลวงท่านทรงมีพระประสงค์อย่างแน่วแน่ที่จะให้เรารับปริญญามาด้วยความรู้สึกว่าเรา เราต้องเป็นคนดีของสังคม ผมมีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับสิ่งเดียวที่ในหลวงทรงสัมผัสมาแล้วนั่นคือปริญญาใบนี้นี่เอง ปริญญาใบนี้จะเป็นสิ่งสูงสุดที่จะคอยเตือนใจให้ผมทำความดีตามพระประสงค์ของในหลวง
พระองค์ที่สูงเทียมฟ้าแต่กลับเห็นความรู้สึกของผงธุลีอย่างพวกผม

ขนาดคนอย่างผมยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณขนาดนี้ สังคมไทยในหลายๆส่วนคงต้องได้รับจากพระองค์ท่านมากมายเหลือคณานับ

และเมื่อเวลาผ่านมาราวๆ 30 ปี คุณตราชูก็ได้นั่งทบทวนและบอกกับผู้เขียนว่า 
สมมติเราเอาอมยิ้ม ไปแจกเด็ก 2000 คน ปรากฎว่า มี 7-8 อัน มีแต่ก้านไม่มีลูกอม เราคงคิดว่า แย่จัง หรือ ส่งตามมาให้ แต่ไม่ถึงกับไปซื้อมาให้ในทันที มันเป็น Error ที่สามารถมองข้ามได้ แต่ทรงไม่คิดเช่นนั้น กลับมองมุมเล็กๆจากใจเรา


และเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา ทางจุฬาฯ โดยท่านอาจารย์ ธงทอง จันทรางศุ จึงดำริให้กลุ่มบัณฑิตทุกคนที่ได้รับพระราชทานโอกาสในวันนั้นให้เข้ามาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อทำการบันทึกเรื่องราวเอาไว้ และ ท่านอาจารย์ธงทองก็ได้จัดให้คณะบัณฑิตได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเพื่อแสดงความซาบซึ้งต่อพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ต่อหน้าพระพักตร์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีด้วย

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงถ่ายภาพบัณฑิตที่ได้รับพระราชทานปริญญาสองครั้งเพราะไฟดับ พร้อมกับอาจารย์ศรีวงศ์ สุมิตร คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์

ขอขอบคุณ คุณตราชู กาญจนสถิตย์ ที่อนุญาตให้นำเรื่องราวและภาพมาเผยแพร่เพื่อให้ทราบโดยทั่วกันว่า #พระมหากรุณาธิคุณเป็นเรื่องจริง

————
หมายเหตุ : เรื่องราวและภาพ คุณตราชูได้การปรึกษากับท่านอาจารย์ ธงทอง จันทรางศุ ถึงความเหมาะสมที่จะนำออกมาเผยแพร่แล้ว

(1) ไฟฟ้าดับครั้งนั้นได้มีการตรวจสอบกันภายหลัง พบว่าเป็นไฟฟ้าดับในวงกว้าง โดยเกิดเหตุมาจากโรงไฟฟ้าทางภาคตะวันออกมีปัญหา

เรื่องราวต้นทาง
  1. https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2533440294263&set=a.1099323522240.2017300.1201210877&type=3&theater
  2. https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10207700643466666&id=1609996469
  3. https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10209808413305969&set=a.1099323522240.2017300.1201210877&type=3&theater





วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ผลงานที่ พนักงาน, ฟรีแลนซ์ ทำให้บริษัท ลิขสิทธิ์จะตกเป็นของใคร?


ในการทำงานนั้น เมื่อเกิดผลงานขึ้นมา เช่นรูปภาพ, ดนตรีกรรม, ผลิตภัณฑ์ ฯลฯ ก็มีหลายคนสงสัยว่าแล้วลิขสิทธิ์ต่องานนั้นๆ จะเป็นของใคร ระหว่าง นายจ้าง , พนักงาน, ลูกจ้าง หรือแม้กระทั่ง ฟรีแลนซ์  ซึ่งจริงๆ แล้วใน พรบ.ลิขสิทธิ์ ได้มีการระบุไว้อยู่แล้วอย่างชัดเจนดังนี้ครับ


มาตรา 9 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเป็นของผู้สร้างสรรค์ แต่นายจ้างมีสิทธินำงานนั้นออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ได้ตามที่เป็นวัตถุประสงค์ แห่งการจ้างแรงงานนั้น

นี่เป็นส่วนของการเป็น "พนักงาน" หรือ "ลูกจ้าง" ของบริษัท (หรือนายจ้าง) ซึ่งแม้เราจะรับ "เงินเดือน" จากนายจ้าง แต่ลิขสิทธิ์ของงานที่เกิดขึ้น จะเป็นของพนักงานคนนั้นหรือลูกจ้างคนนั้นครับ ไม่ได้เป็นของบริษัทหรือนายจ้าง

ตัวอย่าง บริษัท A ได้ให้นาย B ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทได้ออกแบบตัวละครมาสคอตเท่ๆ สักอัน เมื่องานเสร็จแล้ว ลิขสิทธิ์ตัวมาสคอตตัวนี้จะตกเป็นของนาย B ไม่ได้เป็นของบริษัท A ที่แม้จะจ่ายเงินเดือนให้นาย B

อีกตัวอย่าง บริษัท A ได้ให้นาย B ที่เป็นลูกจ้างรับเงินเดือนของบริษัทเขียนโปรแกรม Web Application ที่เป็น Innovation อย่างเจ๋งขึ้นมาสักตัว เมื่องานเสร็จแล้ว โปรแกรมตัวนี้จะเป็นลิขสิทธิ์ของนาย B ไม่ได้เป็นของบริษัท A อย่างที่บอกข้างต้น

แต่!! ปกติแล้ว ในการเป็นพนักงาน จะมีเอกสารการเป็นพนักงาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จะเขียนข้อกำหนดเหล่านี้เอาไว้ในนั้นอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทก็จะเขียนระบุเอาไว้ว่า หากมีลิขสิทธิ์จากการทำงานเกิดขึ้น ก็ขอให้ลิขสิทธิ์นั้นเป็นของบริษัทนะ ขอให้ตกลงกันอย่างนี้นะ ประมาณนี้ครับ 

มาตรา 10 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น เว้นแต่ผู้สร้างสรรค์และผู้ว่าจ้างจะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น

และมาตราที่ 10 นั้นจะต่างออกไป เหมือนจะสลับกันเลยครับ คือหากเราไม่ได้รับเงินเดือนจากนายจ้าง แล้วเค้ามาจ้างเราทำงาน (ในลักษณะของ ฟรีแลนซ์ ) เมื่อเกิดงานลิขสิทธิ์เกิดขึ้นจากการทำงานนั้น ก็ให้ลิขสิทธิ์นั้น เป็นของ "นายจ้าง" ไม่ได้เป็นของ "ฟรีแลนซ์" นะครับ

เช่นหากบริษัท A จ้างนาย B ที่เป็นฟรีแลนซ์ให้ออกแบบ Logo บริษัท เมื่องานเกิดขึ้น ลิขสิทธิ์จะตกเป็นของบริษัท A

หรือ หากบริษัท A จ้างนาย B ที่เป็นฟรีแลนซ์ไปถ่ายรูปงานสักงาน ลิขสิทธิ์ของภาพนั้น จะตกเป็นของบริษัท A ที่เป็นคนจ้าง ไม่ได้เป็นของนาย B แม้ว่านาย B จะเป็นคนกดชัตเตอร์ก็ตาม (เพราะมีนายจ้างที่จ้างให้กดชัตเตอร์)

แม้ว่าอ่านดูแล้วจะดูขัดๆ ความรู้สึกกัน แต่สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่ "การตกลงกัน"​ ว่างานลิขสิทธิ์นั้นจะเป็นของใคร สิทธิ์การเผยแพร่ผลงานมีระยะเวลาเท่าใด ฯลฯ ซึ่งควรตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนเริ่มทำงานครับ ไม่งั้นอาจจะมีปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอน ทั้งตัวลูกจ้างเองหรือบริษัทควรดูเรื่องเหล่านี้ให้ละเอียดถี่ถ้วนครับ

อ้างอิง:
https://www.gotoknow.org/posts/466568
https://th.wikipedia.org/wiki/กฎหมายลิขสิทธิ์ไทย
http://www.thailandroad.com/legal/copyright.htm

วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Tash Wolf เมื่อนางฟ้ามาเล่นกีต้าร์


มือกีตาร์ที่เป็นผู้หญิงในโลกมนุษย์ของเรานี้แม้จะมีไม่มากนัก แต่ที่โดดเด่นขึ้นมาก็มีอยู่ไม่น้อย และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีเธอคนนี้ได้ "โผล่" ขึ้นมาอีกคนครับ Tash Wolf คือเธอคนนี้นี่เอง

เธออายุยังน้อย ราวๆ 17-18 ปี เป็นชาวออสเตเรีย และยังเป็นนางแบบในโมเดลลิ่งของ Chadwick ซึ่งเป็นเอเยนซี่ชื่อดังของออสเตเรียอีกด้วย
ภาพจากเว็บ Chadwick
มี Clip จาก YouTube โดย Zeljko Glamocanin ในปี 2014 ซึ่งได้บอกว่า "ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักเธอ เธอเป็นลูกศิษย์กีตาร์ของผมซึ่งเธอมีพรสวรรค์มาก นอกเหนือจาก Orianthi (มือกีต้าร์หญิงคนสุดท้ายใน This is it ของ  Michael Jackson) แล้วก็จะมีเธอนี่แหละ ที่เป็นมือกีต้าร์หญิงจากออสเตเรียที่จะเขย่าโลก!!" นอกจากนี้คอมเมนต์ใน YouTube นี้ยังบอกอีกว่า เธอยังไปได้อีกไกลมาก ฝีมือและการเล่นของเธอดู "แพง" และ"มีระดับ" มากๆ (ผู้เขียนก็เห็นด้วยตามนั้น)

 
Clip Video ที่อาจารย์ของเธอแนะนำเธอให้คนอื่นรู้จัก


นอกจากนี้ Tash Wolf ยังมีวงดนตรีเป็นของตัวเองด้วย ชื่อวงว่า Haze Trio โดยได้รับรางวัลจากงาน YouthRock 2016 ที่ออสเตเรียด้วย (ข่าว : ข่าวการประกวด ) ซึ่งวงนี้ก็ไม่ธรรมดาเลยครับ วงที่เล่น 3 ชิ้นได้ต้องมีดีกรีการเล่นที่เชี่ยวชาญคล่องแคล่ว ไม่งั้นจะเกิดอาการ "เอาไม่อยู่" ได้ง่ายๆ เพราะเครื่องดนตรีมีน้อยชิ้น
Haze Trio
Haze Trio เล่นเพลง Purple Rain ของ  Prince

นอกจากนี้ยังมีคลิปวิดีโอการเล่นกีตาร์ของ Tash Wolf อีกมากมายทะยอยๆ มาให้หนุ่มๆ ได้กระชุ่มกระชวยกันเรื่อยๆ ลองดูกันครับ ดูจากการเล่นของเธอที่เล่นได้หลากหลายรูปแบบแล้ว เห็นด้วยเลยว่าอนาคตของเธอด้านดนตรีสามารถไปได้อีกไกลโขเลยครับ







วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560

วง ETC ไป Workshop ดนตรีให้น้องๆ นักเรียนอย่างเป็นกันเอง

วง ETC ได้ชื่อว่าเป็นวงดนตรีที่ความเข้มข้นของดนตรีค่อนข้างสูงมาก แต่ก็ยังเป็นดนตรีที่ฟังได้ง่าย ย่อยง่าย ไม่ยากแบบต้องปีนบันไดฟัง และนอกจากนี้ก็ยังเป็นวงที่สร้างแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนโดยเฉพาะคนที่เป็นนักดนตรี ซึ่งหลายคนอยากไปดู ETC เล่นสด เพื่อจะดูวิธีการเล่น วิธีการแสดง วิธีการ Improvise ฯลฯ



"นักเรียน"​ ในวัยเรียน จะมีโอกาสน้อยกว่านักศึกษาที่มีอายุมากกว่าหรือนักดนตรีต่างๆ ที่สามารถเข้าไปดูวง ETC เล่นในผับได้สบายๆ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องอายุในการเข้าไปในสถานที่การแสดงที่มักจะเป็นสถานที่ที่ต้องอายุ 18 ปีขึ้นไป หนทางที่น้องๆ นักเรียน จะได้รับแรงบันดาลใจอย่างใกล้ชิด มีอยู่ทางเดียวคือการที่วงดนตรีไปแสดงสดในสถานที่เปิด แล้วตามไปดู กับวงดนตรีไปเล่นให้ดูถึงที่เลย



เมื่อวันก่อน (4 ต.ค.2560) วง ETC ก็ได้ไปเปิด Workshop ด้านดนตรีให้กับน้องๆ นักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ซึ่งเป็นค่ายดนตรีของโรงเรียน ที่มีนักเรียนอยู่ไม่มากนัก แต่ก็เป็นน้องๆ ในชมรมดนตรีที่รักเสียงเพลงจริงๆ และสนใจการเล่นดนตรีจริงๆ หลายๆ คนมีวงดนตรีของตัวเอง ซึ่งเมื่อได้มาพบกับวง ETC ที่ขึ้นชื่อว่าดนตรีแน่นๆ แล้ว น้องๆ หลายคนได้บอกว่า ดีใจมากถึงมากที่สุด เพราะเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก



มากันไม่เยอะ แต่ทุกคนดูมีความสุขกับดนตรีมากๆ

คนรักดนตรี สัมผัสถึงความงดงามของดนตรี

มาเยอะ มาน้อย วง ETC ก็จัดเต็มอย่างกับเล่นที่ Impact Arena

พี่ดั๊ก สุดยอดมือกลอง


โยกกันหน่อยยยย

เพลงของ ETC ถูกใจน้องๆ หลานๆ จริงๆ

ถึงเวลานั่งเสวนาเรื่องดนตรีกัน "ไหน ใครมีวงของตัวเองบ้างงง" พี่โซ่ถาม

คุยกันหลายเรื่องมาก ทั้งเทคนิคการเล่น ทั้งทัศนคติที่ดีต่อดนตรี

น้อยๆ แต่อบอุ่น

พี่มิ้นเล่าให้ฟังว่าเทคนิคการฝึกนั้นฝึกยังไง ฝึกแบบไหน ใช้เวลากี่มากน้อย 

พี่โอเล่เล่าถึงศิลปินที่ชอบ และการนำข้อดีของศิลปินต่างๆ มาฝึก

พี่ดั๊กเล่าเรื่องของการออกมาจากความท้อในการเล่นดนตรี แล้วก็เล่าเรื่องราวให้ฟังว่าผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร
(อันนี้เป็นประโยชน์และเป็นแรงผลักดันน้องๆ ได้ดีมากๆ)

หนึ่งเล่าประสบการณ์การเล่นดนตรีของตัวเองให้ฟัง รวมถึงการฝึกร้อง การแกะร้องพวกแอดลิบต่างๆ

น้องๆ สนใจกันมาก

อบอุ่นๆ




บรูโน่ .. ไป!!

พี่โอเล่เล่าเรื่องการฝึกกีตาร์และศิลปินคนโปรด

เล่นโชว์กันอีกรอบ คราวนี้พี่ๆ ETC บอกน้องๆ ว่าใครอยากดูเครื่องดนตรีไหน ก็เข้ามาดูใกล้ๆ กันได้เลย

พี่ดั๊กก็บอกว่าคนที่เล่นกลอง ให้เข้ามานั่งดูข้างหลังได้เลย มาดูว่าพี่ดั๊กตีกลองยังไง

นี่ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลยครับ ส่วนตัวอยากบอกว่าพี่ดั๊กนี่ระดับโลกแล้วนะ แล้วก็ใจดีกับน้องๆ มากๆ เลย

น้องๆ ก็นั่งดูกันอย่างตั้งอกตั้งใจ

คนที่เล่นกีต้าร์ก็มาจ้องการเล่นของโอเล่ ดูสีหน้าน้องๆ สิครับ มีความสุขสุดๆ

บรรยากาศการ Workshop ยอดเยี่ยมมากๆ

พี่ดั๊กบอกน้องๆ ว่าเพลงสุดท้ายจะแบ่งกันโซโล่ แล้วก็บอกน้องๆ ว่าพี่ดั๊กจะโซโล่แบบไหน เล่นกี่แบบ แล้วจะจับแต่ละแบบมารวมกันแบบไหน  โห ละเอียดสุดๆ

ใกล้ชิดสุดๆ

น้องๆ ตื่นตาตื่นใจกับการรัวเบสของพี่มิ้นมากๆ

แจกลายเซ็นต์ให้น้องๆ (เก็บไว้ให้ดีๆ นะ พี่ยังไม่มีเลยน้องเอ๊ย)

นอกจากเล่าบนเวทีแล้ว เลิกงานแล้ว ก็ยังมาเล่าให้น้องๆ ฟังข้างล่างอีก ยอดเลย
การ Workshop ก็จบไปด้วยความอบอุ่นสำหรับน้องๆ โรงเรียนบดินทรเดชาครับ ก็หวังว่าน้องๆ จะได้แรงบันดาลใจในการเล่นดนตรีเพิ่มเติมขึ้น แอบอิจฉาน้องๆ เลย สมัยเราเด็กๆ ไม่เคยมีแบบนี้ เจ๋งจริงๆ

เมื่อไฟดับตอนรับพระราชทานปริญญาบัตร

สำหรับคนเราทั่วๆ ไปแล้วนั้น การได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ถือเป็นสิ่งสูงสุดอย่างหนึ่งส...